วันศุกร์ที่ 10 กันยายน พ.ศ. 2553

แนวโน้มและการพัฒนาอินเทอร์เน็ตในอนาคต


พ.อ.รศ.ดร. เศรษฐพงค์ มะลิสุวรรณ และ นิธิมา เสริมสุธีอนุวัฒน์

ในโลกยุคใหม่ที่ไร้พรมแดน ไร้กาลเวลา ไร้เชื้อชาติ และไร้ชนชั้น ผู้คนในโลกยุคใหม่นี้สามารถเดินทางข้ามพรมแดน ข้ามกาลเวลา ไปพบปะพูดคุยกับใครก็ได้ ที่ไหนก็ได้ เวลาใดก็ย่อมได้ เพียงแค่ปลายนิ้วสัมผัส

อินเทอร์เน็ต สื่อสารมวลชนแขนงหนึ่งซึ่งถือกำเนิดมากว่าสิบปีแล้ว จัดเป็นสื่อดิจิทัลที่ได้รับการพัฒนาขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วงหลายปีที่ผ่านมา จนทุกวันนี้สื่ออินเทอร์เน็ตกลายเป็นสื่อสารมวลชนหลักที่เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายจำนวนมากทั่วทั้งโลก อาทิเช่น ชุมชนออนไลน์ Myspace (www.myspace.com) ซึ่งมีขนาดใหญ่มาก จากข้อมูลเมื่อกลางปี 2007 มีผู้เข้าชมเว็บไซต์แห่งนี้ประมาณไม่ต่ำกว่าเดือนละ 110 ล้านคน ตัวเลขนี้สูงกว่าจำนวนผู้อ่านหนังสือพิมพ์หรือนิตยสาร แม้แต่ Time Magazine นิตยสารยอดนิยมอันดับหนึ่งของสหรัฐอเมริกา ยังมีผู้อ่านเพียงสัปดาห์ละ 3.5 ล้านคนเท่านั้น [1]

ผู้คนในยุคนี้จึงจำเป็นต้องมีความรู้เรื่องแนวโน้มของอินเทอร์เน็ตในอนาคต เพื่อช่วยลดปัญหาอันเกิดจากการรู้ไม่เท่าทันเทคโนโลยี (Digital Divide) ซึ่งอาจเป็นประเด็นให้เกิดความเลื่อมล้ำทางสังคม ที่ทำให้ผู้มีความรู้ทางด้านเทคโนโลยีสารสนเทศมากกว่า จะได้เปรียบกว่าและมีโอกาสทางสังคมในบริบทต่างๆมากกว่าผู้มีความรู้น้อยกว่า เพราะในปัจจุบันนี้เกมออนไลน์ , เว็บบล็อก , เว็บไซต์ ไม่ได้เป็นเรื่องที่จำกัดอยู่แต่เฉพาะในกลุ่มวัยรุ่นที่มีเวลาว่างเหลือเฟืออีกต่อไปแล้ว สื่ออินเทอร์เน็ตเหล่านี้มีกลุ่มเป้าหมายจำนวนมากทั้งชายหญิง หลากหลายกลุ่มอายุ การงาน อาชีพ และที่อยู่ทางภูมิศาสตร์ พบว่ามีผู้ใช้บริการอินเทอร์เน็ตที่อยู่ในพื้นที่ห่างไกลทั่วโลกเพิ่มจำนวนมากขึ้นตลอดเวลา , Bob Metcalfe ผู้ค้นพบ 3Com และ Ethernet ทำนายว่า ภายในปี 2020 การใช้งานอินเทอร์เน็ตจะเป็นมากยิ่งกว่าการใช้เพียงเพื่อการสื่อสาร [2]

เมื่ออินเทอร์เน็ตมีความสำคัญต่อชีวิตผู้คนในโลกมากขึ้นเรื่อยๆเช่นนี้ จึงมีบรรดานักวิชาการผู้เชี่ยวชาญทางด้านเทคโนโลยีจากหลากหลายสถาบันที่มีชื่อเสียงทั่วโลก ดำเนินการสำรวจศึกษาวิจัยเพื่อประเมินแนวโน้มและทำนายอนาคตของระบบอินเทอร์เน็ต ทั้งในด้านผลกระทบต่อการออกแบบโครงสร้างสถาปัตยกรรมของอินเทอร์เน็ต และผลกระทบจากอินเทอร์เน็ตต่อบริบทต่างๆในการใช้ชีวิตประจำวันของผู้คนในโลกอนาคต

บทความนี้นำเสนอเนื้อหาหลักบางส่วนจากเอกสารสรุปผลการศึกษาวิจัยจากสถาบันที่มีชื่อเสียงทางด้านเทคโนโลยีสารสนเทศในระดับสากล 3 องค์กร คือ สหภาพโทรคมนาคมระหว่างประเทศ(ITU-International Telecommunication Union)[3] Pew Research Center[4],และ EPoSS (The European Technology Platform on Smart Systems Integration)[5] ซึ่งได้ดำเนินการสำรวจศึกษาวิจัยทำนายอนาคตของระบบอินเทอร์เน็ตในด้านต่างๆ และเสริมข้อมูลเพิ่มเติมเพื่อการศึกษาเรียนรู้เรื่อง “ อินเทอร์เน็ตในอนาคต ” หรือ The Future Internet

1. ประเมินแนวโน้มหลักของอินเทอร์เน็ตว่าจะมีพัฒนาการอย่างไร และมีผลกระทบต่อการออกแบบโครงสร้างสถาปัตยกรรมของอินเทอร์เน็ตอย่างไรในอนาคต [6]

จากรายงาน ITU-T Technology Watch Report 10 ( April 2009 ) [6] นำเสนอพัฒนาการของโครงสร้างสถาปัตยกรรมของระบบการสื่อสารทางอินเทอร์เน็ต และแนวโน้มของการออกแบบสถาปัตยกรรมอินเทอร์เน็ตในอนาคต จัดทำโดยสหภาพโทรคมนาคมระหว่างประเทศ ( ITU - International Telecommunication Union )[3]


กล่าวว่า อินเทอร์เน็ตเกิดขึ้นจากการห้องทดลองเล็กๆ แต่ปัจจุบันได้กลายเป็นเครือข่ายที่มีผู้ใช้งานมากกว่าพันล้านคนทั่วโลก เมื่อมีความต้องการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตด้วยอุปกรณ์เคลื่อนที่เพิ่มมากขึ้น จึงท้าทายให้เกิดการพัฒนาโครงสร้างเครือข่ายพื้นฐาน ต่างๆ อาทิเช่น addressing , routing และออกแบบโครงสร้างสถาปัตยกรรมของอินเทอร์เน็ตจำเป็นต้องได้รับการทบทวน


จะเห็นได้ว่าระบบอินเตอร์เน็ตได้มีการพัฒนา ปรับปรุงเปลี่ยนแปลงมาอย่างต่อเนื่อง จนสามารถมีการบริการและโปรแกรมต่างๆที่ยืดหยุ่นในการใช้งานมากขึ้น ทำให้ยุคสมัยนี้เป็นยุคสมัยแห่งการแบ่งปันข้อมูล เนื่องจากมีการออกแบบโครงสร้างสถาปัตยกรรมของระบบการสื่อสารทางอินเทอร์เน็ต ( design and architecture of the Internet ) ให้สะดวกต่อการรับส่งข้อมูลต่างๆมากขึ้น เช่น Client-server [7] เป็นรูปแบบหนึ่งของเครือข่ายแบบ server-based โดยจะมีคอมพิวเตอร์หลักเครื่องหนึ่งเป็น เซิร์ฟเวอร์ (server) ซึ่งจะไม่ได้ทำหน้าที่ประมวลผลทั้งหมดให้เครื่องลูกข่าย (client) แต่เซิร์ฟเวอร์ (server) จะทำหน้าที่เสมือนเป็นที่เก็บข้อมูลระยะไกล (remote disk) และประมวลผลบางอย่างให้กับเครื่องลูกข่าย (client)เท่านั้น เช่น ประมวลผลคำสั่งในการดึงข้อมูลจากเซิร์ฟเวอร์ฐานข้อมูล (database server)


หรือ peer-to-peer [8] ซึ่งเทคโนโลยีนี้ช่วยทำให้ผู้ใช้สามารถแลกเปลี่ยนข้อมูล บริการ และ ทรัพยากรอื่นๆในเครื่องคอมพิวเตอร์ ที่อยู่บนเครือข่ายได้สะดวกมากยิ่งขึ้น ดังเช่น Napster, Gnutella, และ Freenet ซึ่งเป็นโปรแกรมประยุกต์ที่ยอมให้ผู้ใช้อินเทอร์เน็ตค้นหา และแลกเปลี่ยนไฟล์ข้อมูลต่างๆระหว่างคอมพิวเตอร์ซึ่งกันและกันได้ โดยไม่จำเป็นต้องมีคอมพิวเตอร์แม่ข่าย (Central Server) จะต่างจากระบบ Client-Server ซึ่งต้องมีคอมพิวเตอร์แม่ข่าย (Server) คอยให้บริการตามคำขอของเครื่องลูกข่าย (Client) ในการขอข้อมูล บริการ และไฟล์ข้อมูล ส่วนใหญ่มักใช้ peer-to-peer เพื่อดาวน์โหลดภาพยนต์และเพลง แบบผิดกฎหมาย อย่างไรก็ตามโปรแกรมดังกล่าวมานี้ล้วนถูกออกแบบไว้ ก่อนที่จะมีระบบ LANs แต่โปรแกรมเหล่านี้สามารถใช้งานได้อย่างสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น ในยุคที่มีเครือข่ายเทคโนโลยีก้าวหน้ากว่าดังเช่นปัจจุบันนี้ [6]

ในปัจจุบันนี้พบว่า การติดต่อสื่อสารระหว่างคอมพิวเตอร์ในระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ตควบคู่กับ Broadband กลายเป็นพื้นฐานของสังคมยุคใหม่ในหลายๆประเทศ มีโปรแกรมคอมพิวเตอร์ใหม่ๆเกิดขึ้นทุกวัน และบางโปรแกรมได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมไปแล้ว เช่น YouTube และ Facebook มีการใช้งานโปรแกรมคอมพิวเตอร์ต่างๆ อย่างแพร่หลายในทุกระดับ จากการใช้งานระหว่างประเทศ , การใช้งานระดับชาติ , ระดับเครือข่ายการศึกษา รวมถึงเครือข่ายสำหรับธุรกิจ,บ้าน,รถยนต์ และส่วนบุคคล นอกจากนี้อินเทอร์เน็ตยังสามารถเคลื่อนที่ได้ด้วยอุปกรณ์เครือข่าย cellular ซึ่งได้รับการพัฒนาศักยภาพสำหรับเป็น Internet Protocal ( IP) ซึ่งขณะนี้มีการใช้งานในผู้ใช้ส่วนบุคคลหลายล้านคนแล้ว และมีแนวโน้มว่าจะสามารถพัฒนาศักยภาพของระบบเครือข่ายให้มีผู้ใช้งานเพิ่มอีกหลายพันล้านคนทั่วโลกในไม่ช้านี้

อนาคตอันใกล้ Sensors หรือ อุปกรณ์รับส่งสัญญาณที่ไวต่อแสงหรืออุณหภูมิจะถูกเพิ่มเติมในเครือข่าย ซึ่งพัฒนาระบบมาจากเทคโนโลยี RFID หรือ Radio Frequency Identification เพื่อเพิ่มศักยภาพในการเป็นอินเทอร์เน็ตในสรรพสิ่งรอบตัวผู้คน ( Internet of Things , IOT) โดยอุปกรณ์เครือข่ายส่วนใหญ่ได้จัดเตรียมโปรแกรมสำหรับ e-commerce, e-government, e-education, e-health รวมอยู่ในโปรแกรมอินเทอร์เน็ตสำหรับการบริการนี้ด้วย ( Internet of Services ,IOS ) การใช้อินเทอร์เน็ตยังสามารถพัฒนาเพื่อควบคุมการใช้พลังงาน การใช้พลังงานให้คุ้มค่าเต็มประสิทธิภาพจะช่วยลดการปลดปล่อยมลพิษซึ่งทำให้เกิดสภาวะเรือนกระจก ดังนั้นการใช้อินเตอร์เน็ตจึงเป็นการช่วยรักษาสิ่งแวดล้อมในทางอ้อมอีกด้วย

ขณะนี้พบว่ามีความต้องการโปรแกรมคอมพิวเตอร์ใหม่ๆ ซึ่งทั้งผู้ให้บริการและผู้ใช้จะเป็นส่วนหนึ่งของระบบเครือข่ายพื้นฐานระหว่างประเทศที่เกี่ยวข้องกันอย่างต่อเนื่อง อาจมีการรับส่งข้อมูลอันมหาศาลในช่วงเวลาเดียวกัน ผู้สังเกตการณ์บางคนจึงมีคำถามว่า โครงสร้างสถาปัตยกรรมคอมพิวเตอร์ที่สำคัญที่ใช้กันอยู่นั้นมีความทนทานเพียงพอที่จะปรับเปลี่ยนให้เหมาะสมกับความต้องการใหม่ๆของผู้คนเกี่ยวกับการใช้งานอินเทอร์เน็ตในอนาคตหรือไม่ ทั้งยังมีการสนับสนุนให้เร่งพัฒนาระบบการรักษาความปลอดภัย เป็นแนวทางหลักในการพัฒนาโครงสร้างสถาปัตยกรรมคอมพิวเตอร์แบบใหม่

รายงาน ITU-T Technology Watch Report 10 ( April 2009 )[6] เริ่มจากการพิจารณาการออกแบบและสถาปัตยกรรมของอินเทอร์เน็ต,เปรียบเทียบความแตกต่างและวิวัฒนาการของอินเทอร์เน็ต และพิจารณาแนวโน้มหลักของอินเทอร์เน็ต ว่ามีพัฒนาการอย่างไร และผลกระทบต่อโครงสร้างสถาปัตยกรรมและการออกแบบระบบอินเทอร์เน็ตในอนาคต

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น